สวยสมวัย
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.
สวยสมวัย

ผู้หญิงอยากเขียน
 
บ้านบ้าน  ค้นหาค้นหา  Latest imagesLatest images  สมัครสมาชิก(Register)สมัครสมาชิก(Register)  เข้าสู่ระบบ(Log in)  

สวัสดีปีเสือค่ะ เพื่อนๆ สวยสมวัยทุกท่าน ขอให้มีความสุขและสนุกสนานเพลิดเพลินกับการเขียนนวนิยายอิโรติกนะคะ...อิโมติคอน ยังไม่ได้แก้ไขรอก่อนนะ...กล่องแชทสำหรับพูดคุยกันสดๆ อยู่หน้าแรกข้างล่างสุดเลยค่ะ แค่ล็อกอินเข้าไปก็ใช้ได้เลย เฉพาะสมาชิกเท่านั้นจึงจะมองเห็นห้องแชทนะคะ...สวัสดีปีใหม่ค่ะ


 

 บทที่ 3 สุดทางสวาท...ณดา

Go down 
3 posters
ผู้ตั้งข้อความ
ณดา

ณดา


จำนวนข้อความ : 27
Join date : 19/10/2009

บทที่ 3  สุดทางสวาท...ณดา Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: บทที่ 3 สุดทางสวาท...ณดา   บทที่ 3  สุดทางสวาท...ณดา EmptyMon Dec 07, 2009 1:34 am

บทที่ 3 สุดทางสวาท...ณดา



อากาศค่อนรุ่งกำลังเย็นสบาย แต่เสียงคนเดินไปมานอกห้องปลุกให้จิดาพรต้องตื่นนอน ลุกมาอาบน้ำแต่งตัว เพราะวันนี้เธอต้องไปส่ง พ่อ แม่กับน้องชายกลับบ้านก่อนกลับมาทำงาน ถึงแม้วันนี้เธอต้องตื่นเช้ากว่าปกติแต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกหงุดหงิดแต่อย่างใด เพราะความรู้สึกอิ่มเอม มีความสุขในหัวใจกับสิ่งได้รับมาจากเพื่อนคนใหม่ เพื่อนเหรอ...จิดาพรยังไม่ค่อยเข้าใจดีนักกับคำพูดของชายหนุ่มที่บอกว่า... ‘อยากรู้จักมากกว่าคำว่าเพื่อน...แต่ยังเรียกว่ารักไม่ได้’ เธอไม่รู้หรอกว่าเขาจะวางเธอไว้ในสถานะอะไร อาจจะเป็นแค่เริ่มพอใจแต่ยังไม่ได้รัก เพราะฉะนั้นสิ่งที่เธอตอบคำถามของเขาไปเมื่อคืนคือ ‘ ฉันยินดีเป็นเพื่อนกับคุณนะคะ ถึงแม้ว่าฉันจะรู้สึกดีแค่ไหนกับสิ่งที่คุณกำลังทำ กำลังบอก กำลังส่งมาให้ฉันตอนนี้ แต่ก็ต้องขอเวลา เพราะฉันไม่รู้ว่าต้องทำตัวยังแบบไหนกับคำว่า...มากกว่าคำว่าเพื่อนแต่ยังไม่ได้รัก’ เขาไม่ได้ต่อว่า ไม่ได้รุกเร้าต่อ ได้แต่ส่งยิ้มอบอุ่น สายตามีแววขำและพูดว่า ‘ตอนนี้ผมก็ได้เห็นความเข้มแข็งอีกด้านหนึ่งของคุณ’ และกลับบ้านไปตอนห้าทุ่มครึ่งตามเวลาที่บอกไว้พร้อมกับย้ำว่าจะกลับมาทำให้เธอเข้าใจกับคำ ๆ นั้น


จิดาพรเข้าที่ทำงานได้ทันเวลาหลังจากส่งครอบครัวเรียบร้อยแล้ว เงินที่โตมรเอามาให้เมื่อคืน ทำให้เธอไม่ต้องวิตกกับค่าใช้จ่ายของเดือนนี้ เธอสงสัยตัวเองเหมือนกันว่า ทำไมรับเงินของเขาง่ายจัง? คงเป็นเพราะเขาไม่ได้เรียกร้องอะไรเป็นค่าตอบแทนเหมือนกับที่เจ้านายหรือเพื่อนเจ้านายให้เธอ ถึงแม้ว่าตอนดึกเขาจะกลับมาขอเพิ่ม แต่นั่นเขาให้เหตุผลว่า พอใจนิสัยของเธอเท่านั้น และที่สำคัญที่สุด อาจจะเป็นเพราะเขายังเป็น ‘คนโสด’

“เรื่องน้องชายเรียบร้อยดีไหมจี้ คราวนี้จ่ายเงินไปอีกเท่าไหร่ ?” คำพูดที่เจ้านายทักทายเลขาสาวทุกครั้งเมื่อเธอกลับมาทำงานในวันรุ่งขึ้นหลังจากเธอลากิจ

“สวัสดีตอนเช้าค่ะเจ้านาย เรื่องน้องชายเรียบร้อยดีค่ะ” จิดาพรทักทายและตอบคำถามที่คุ้นเคยด้วยคำตอบเดิม ๆ

“คุณยังไม่มีอะไรให้ผมช่วยเหลือเหรอ ?”

จิดาพรเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารบนโต๊ะ จ้องตาเจ้านายด้วยสายตาที่บ่งบอกว่ารู้จักคำถามนี้เป็นอย่างดี ก่อนจะยิ้มและส่ายหน้า “ยังไม่มีค่ะ”

บรรยากาศโดยรอบตกอยู่ในความเงียบชั่วอึดใจ ในขณะที่สายตาสองคู่ยังมองกันไม่หลบก่อนที่ฝ่ายเจ้านายจะแย้มริมฝีปากยิ้มเล็กน้อย

“โอ...เค...ถ้าต้องการความช่วยเหลือเมื่อไหร่ อย่าลืมบอกผมเป็นคนแรกนะ ผมรออยู่” หึ...หึ เจ้านายทิ้งคำพูดหมาหยอกไก่เอาไว้แล้วก็หัวเราะเดินเข้าห้องทำงานไปพร้อมกับคิดอย่างหมายมาด ‘มันต้องมีสักครั้งอยู่หรอกมั้งที่เธอต้องรับความช่วยเหลือจากฉันโดยไม่มีทางหลีกเลี่ยง’



ในขณะที่จิดาพรกำลังสาละวนกับการเก็บงานที่คั่งค้างมาจากเมื่อวานทั้งวัน ฝ่ายโตมรกำลังคิดถึงเหตุการณ์ในคืนที่ผ่านมา ความกล้าบ้าบิ่นที่เขาทำลงไป จริง ๆ แล้วไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะมันเป็นนิสัยของเขาที่เป็นมานาน แต่เขาเลือกคนที่จะพูดและทำแบบนี้ก็ต่อเมื่อเขาเจอคนที่ถูกใจเท่านั้น และหลังจากนั้นจะคบกันเพื่อศึกษากันไปซึ่งผู้หญิงคนสุดท้ายที่เขาขอคบตรง ๆ แบบนี้คือ อรุณี หลังจากที่เธอทิ้งไปเขาไม่เคยคบใครเป็นจริงเป็นจัง แต่ตอนนี้ยังมีเด็กอีกหนึ่งคนที่เขาเรียกว่าพิเศษกว่าคนอื่น ‘น้องเปิ้ล’ เด็กนักศึกษาชั้นปีสี่ที่เขาเจอเพราะการออกไปหาระบายความใคร่ตามประสาผู้ชาย ความสงสารเมื่อได้ฟังเรื่องราวของเธอ เขาเลือกที่จะให้เธอเลิกหาเงินพิเศษโดยวิธีนี้ เช่าห้องให้และส่งเสียให้เรียน เขาใช้เวลาอยู่กับน้องเปิ้ลมากในช่วงแรก แต่ระยะนี้เขาจะไปที่ห้องนั้นเพียงเดือนละครั้งหรือสองครั้งหากมีเวลา เพื่อเอาเงินไปให้และสอบถามความก้าวหน้าเรื่องการเรียน เมื่อคืนกลับเป็นอีกวันหนึ่งที่เจอกับผู้หญิงที่เขากล้าพูดตรง ๆ แต่เธอเลือกที่จะรับปากแบบที่เขาเองไม่เข้าใจ เพราะที่ผ่านมาเจอการตอบรับแบบรู้เรื่องทันที แต่คราวนี้...หึ...หึ โตมรหัวเราะให้กับคำตอบรับที่ได้มา เมื่อคิดได้ดังนั้น เขาจึงรีบกดโทรศัพท์หาหญิงสาวคนที่ไม่ยอมเข้าใจคำว่า ‘มากกว่าเพื่อนแต่ยังไม่เรียกว่ารัก’



จิดาพรเก็บของบนโต๊ะเรียบร้อยเมื่อถึงเวลาเลิกงาน ก่อนจะเดินตรงไปที่จอดรถ พลันเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น

‘ใครเป็นคนสวยรับสายด้วยครับ...ใครเป็นคนสวยรับสายด้วยครับ’

“สวัสดีค่ะคุณโตมร” หญิงสาวกรอกเสียงหวานลงไปในโทรศัพท์หลังจากเห็นเบอร์โชว์ที่หน้าจอ

“หวัดดีครับจี้...คุณเลิกงานหรือยัง?”

“เลิกแล้วค่ะ กำลังกลับบ้าน”

“เย็นนี้คุณว่างไหม?”

“ก็ไม่มีธุระไปไหนนี่คะ มีอะไรหรือเปล่า?”

“ผมหาเพื่อนทานข้าวน่ะ คุณทานข้าวเย็นเป็นเพื่อนผมหน่อยได้ไหม?”

“ฉันมีอาหารเย็นมาแล้วค่ะ กลับไปส่งพ่อกับแม่เมื่อเช้าเลยได้อาหารมาด้วย ฉันว่าจะทานข้าวที่บ้าน”

“ถ้างั้น...ผมขอไปทานข้าวที่บ้านคุณด้วยได้ไหม? ผมกินไม่เยอะหรอก” เสียงอ้อนพร้อมกับคำพูดติดตลกส่งหาหญิงสาวที่โตมรบอกว่า จะต้องรู้จักมากกว่านี้

“ได้สิคะ...ถ้าคุณไม่รังเกียจอาหารบ้าน ๆ เพราะบ้านฉันไม่ค่อยมีอะไรหรู ๆ นะคะ”

“ไม่มีปัญหาครับ...ผมกินอะไรก็ได้ ตกลงเย็นนี้ผมไปทานข้าวบ้านคุณนะ สวัสดีครับ” โตมรตัดสายทันทีด้วยความรู้สึกลิงโลดใจที่ไม่ได้ยินคำปฏิเสธ


โต๊ะยาวหน้าบ้านหลังเล็กถูกดัดแปลงเป็นโต๊ะอาหารเย็นที่มีกับข้าววางอยู่สองสามจาน การรับประทานอาหารสำหรับบ้านของจิดาพร เป็นเรื่องง่าย ๆ ที่เรียกว่า กินเพื่ออยู่ และหญิงสาวเองไม่เคยเดือดร้อนกับเรื่องประเภทของอาหาร แค่รสชาติที่ถูกปาก สะอาด ก็เพียงพอกับความต้องการแล้ว อีกทั้งหากกินมากไปเธอก็รู้ว่าเป็นภาระสำหรับคนที่จะต้องมาลดไขมันส่วนเกินที่เพื่อน ๆ ในที่ทำงานของเธอหลายคนกำลังเป็นอยู่ในเวลานี้ ซึ่งจิดาพรโชคดีกว่าใครหลายคนที่ยังไม่ต้องยุ่งยากกับเรื่องไขมันส่วนเกิน ส่วนหนึ่งก็คงมาจากการเลือกรับประทานอาหารและการออกกำลังกายของเธอเอง

เสียงรถชอปเปอร์จอดที่หน้าบ้าน ชายหนุ่มร่างสูงที่เธอเพิ่งเคยพบหน้าครั้งแรกเมื่อวาน ในมือของเขามีถุงหลายถุงกำลังเดินเข้ามาในบ้านและร้องเรียกหญิงสาวเจ้าของบ้าน

“สวัสดีครับ...คุณจี้ครับ คุณอยู่ที่ไหน ผมมาถึงแล้ว”

“จี้อยู่ในครัวค่ะ กำลังเตรียมข้าวกับน้ำออกไปโต๊ะหน้าบ้าน คุณถืออะไรมาเยอะแยะคะ?”

“ของสดครับ...เอามาฝากไว้ที่นี่ คิดว่าคงได้เอาท้องมาฝากแถวนี้อีกนาน” ชายหนุ่มมองหน้ามองหลัง หันกลับมาถามหาพ่อกับแม่และคู่กรณีของตัวเองหญิงสาว

“พ่อ แม่กับน้องคุณไปไหนล่ะครับ?”

“ฉันไปส่งท่านที่บ้านต่างอำเภอแล้วค่ะ ไปเมื่อเช้าเอง เอ๊ะ...ฉันบอกคุณไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าฉันไปส่งท่านแล้ว”

“เอ่อ...ผมคงลืมไป หรืออาจจะไม่ได้ยินมั้งครับ”

“คุณมีอะไรให้ผมช่วยถือออกไปมั่ง?”

“คุณไปหยิบน้ำในตู้เย็นออกไปก็ได้ค่ะ แก้วน้ำอยู่บนโต๊ะข้าง ๆ ตู้เย็น เดี๋ยวฉันถือข้าวตามออกไปก็หมดแล้วค่ะ”

หลังจากนั้นมื้ออาหารแห่งมิตรภาพอีกขั้นได้เริ่มขึ้นแบบเรียบง่าย พร้อมกับการบอกเล่าเรื่องราวในอดีตทั้งเรื่องสนุกสนาน ความทุกข์ต่าง ๆ สู่กันฟัง ซึ่งเรื่องราวเหล่านั้นทำให้หญิงสาวที่ได้รับคำปลอบประโลมจากชายหนุ่มซึมซับความรู้สึกดี ๆ มากยิ่งขึ้น

“แกงส้มนี่อร่อยจังเลย คุณทำเองเหรอ” ชายหนุ่มถามขึ้นช่วงหนึ่งขณะที่กำลังทานอาหาร

“เปล่าค่ะ...กลับบ้านไปเมื่อเช้า ป้าข้างบ้านเขาทำตั้งแต่เมื่อคืน ท่านเห็นฉันชอบทานแกงส้มท่านเลยแบ่งให้มาค่ะ”

“คุณรู้ไหมว่า แกงส้มเวลาจะกินต้องเป็นแกงที่ทิ้งไว้ค้างคืน มันถึงอร่อย แล้วต้องทานกับปลาแห้งหรือปลาเค็มทอด รสชาติจะเข้ากันแบบกลมกล่อมที่สุดด้วย” หญิงสาวถามชายหนุ่มที่นั่งก้มหน้าก้มตากินข้าว

“อือ...เพิ่งรู้ครับ เพราะปกติผมลิ้นจระเข้ ทานอะไรก็ได้อร่อยหมด โดยเฉพาะทานกับคนที่รู้ใจ”

คำพูดท่อนสุดท้ายในประโยค เรียกจิดาพรให้เงยหน้าจากจานข้าวขึ้นมาสบตาคมของคนพูดได้ไม่ยาก สายตาของโตมรทำเอาหญิงสาวหน้าร้อนวูบวาบ ทั้ง ๆ ที่ตอนนี้มีสายลมยามเย็นพัดแผ่ว ๆ มากระทบผิว ความเย็นของลมต้นหนาวไม่ได้ทำให้ใบหน้าที่ร้อนเย็นลงได้ง่าย ๆ จิดาพรเลือกวิธีการหลบสายตาคมก่อนถามออกค่อย ๆ

“คุณทานข้าวอร่อยทุกมื้อไหมคะ?”

โตมรเข้าใจนัยของคำถามดี จึงตอบแบบสบาย ๆ ทีเล่นทีจริง

“ก็ไม่ทุกมื้อหรอกครับ โดยเฉพาะระยะหลังจากสองปีมานี่ที่แฟนผมทิ้งไป ผมใช้เวลานานกว่าจะรู้จักคำว่า ทานข้าวอร่อย” เขาตอบโดยไม่ได้สนใจหรือคิดว่าคนฟังจะเข้าใจเป็นอย่างอื่นเพราะมันคือความบริสุทธิ์ใจและเป็นความจริงของคนวัยสามสิบห้าที่ หากตอบว่าไม่มีคนรู้ใจมาก่อน คงไม่มีใครเชื่ออยู่แล้ว

“ทำไมแฟนคุณถึงทิ้งคุณไปคะ?”

“เขาบอกว่า ผมไม่มีเวลาให้เขา...ผมรอเขานะเพราะเขาบอกว่าเขาจะกลับมาเมื่อผมมีเวลาให้ แต่จนป่านนี้ก็ยังไม่เห็นมา” ชายหนุ่มยักไหล่ พูดไปยิ้มไปเหมือนเรื่องที่พูดเป็นเรื่องสนุกสนาน

“ตอนนี้ผมอาจจะเลิกรอเขาก็ได้” โตมรทิ้งคำพูดที่เป็นปริศนาให้กับหญิงสาว ก่อนจะเบี่ยงเบนออกนอกประเด็นก่อนที่หญิงสาวจะคิดว่าเขาเริ่มรุก เขาอยากให้หญิงสาวไว้ใจกับคำว่าเพื่อนที่หวังดีก่อน เพราะเห็นแล้วว่า เธอไม่ใช่คนที่ง่ายสำหรับเขา

“คุณซื้อบ้านนี้นานหรือยังครับ?”

“สองปีกว่าค่ะ”

“ผมรู้จักกับเจ้าของโครงการของหมู่บ้านนี้ด้วย ตอนนี้ผมรับเหมางานของเขาที่หมู่บ้านแห่งใหม่ที่เขากำลังสร้าง ผมกำลังมีปัญหากับเขานิดหน่อย”

“คุณรู้จักกับคุณนรินทร์เหรอ แล้วมีปัญหาอะไรกันคะ?”

“คนในวงการนี้เขารู้จักกันหมดแหละคุณ เขาเป็นเจ้าของโครงการบ้านจัดสรร ผมเป็นผู้รับเหมาสร้างบ้าน มันก็เดินชนกันไปมาอยู่นี่แหละ ปัญหามันก็เป็นเรื่องทางธุรกิจนิดหน่อย น่าจะแก้ไขได้ คงต้องตกลงกับเขาใหม่ ไม่ต้องสนใจหรอกคุณ ว่าแต่ว่า คุณพ่อ คุณแม่คุณจะกลับไปอยู่ที่บ้านโน้นเลยเหรอ กลับมาอีกไหม ?”

“ก็คงไป ๆ มา ๆ ค่ะ คงไม่อยู่ที่ไหนประจำ ช่วงนี้คุณพ่ออาการดีขึ้น สามเดือนพบหมอที”

“ถ้าผมจะมาฝากท้องมื้อเย็นไว้กับคุณบ่อย ๆ คุณจะว่าอะไรไหม?”

“ถ้าฉันว่าง คุณก็มาได้ ไม่มีปัญหาหรอกค่ะ เพราะปกติถ้าพ่อกับแม่ไม่อยู่ ส่วนใหญ่ฉันก็อยู่คนเดียวค่ะ”

โตมรยิ้มกริ่มกับคำตอบที่ได้รับ ‘คงไม่ใช่เรื่องยากที่จะรู้จักผู้หญิงคนนี้ให้มากขึ้น’ นั่นคือความคิดของเขา

“ขอบคุณครับ...ผมว่าเราเก็บโต๊ะก่อนดีไหม จะได้ออกมานั่งคุยกันสบาย ๆ ผมจะได้ช่วยคุณเก็บล้างด้วย”

ปฏิบัติการสร้างความไว้วางใจที่โตมรสร้างขึ้นให้จิดาพรเห็นผ่านจากวันเป็นสัปดาห์ รวมทั้งการดูแลคู่กรณีในวันที่โจ้ต้องมาพบแพทย์ตามหมอนัด เขาต้องรับโจ้จากโรงพยาบาลกลับมาส่งที่บ้านก่อนที่จิดาพรจะเลิกงาน ทำให้หญิงสาวซึ้งใจกับการดูแลที่เขามีให้มาตลอดเป็นเดือน ซึ่งส่วนใหญ่เขาจะมาทานอาหารเย็นที่บ้าน พูดคุยกันหลังอาหารเย็น มีแอบกอดบ้างเป็นบางครั้ง หอมแก้มบ้างเป็นบางคราว เวลาที่เธอพูดถูกใจเขา พูดตรงกับที่เขาคิด ซึ่งทุกครั้งเขาจะบอกว่าเพราะเธอเป็นคนตรง ๆ เหมือนเขา เขาชอบนิสัยแบบนี้จริง ๆ แต่ที่เร้าใจมากกว่านั้นคือรูปร่างของเธอ ซึ่งจิดาพรได้ยินเขาพูดบ่อยจนเลิกคิดว่าเขาพูดเพราะลามก แต่คงเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาชอบเธอแค่นั้นเอง ยคุณเก็บล้างด้วย"ียวค่ะ"้มาค่ะ" จนป่านนี้เขาก็ไม่ได้บอกว่ารักเธอ แต่จิดาพรก็ไม่ได้สนใจหรือต้องการคำรักนั้น

วันหนึ่งขณะรับประทานอาหารเย็น โตมรเอ่ยปากชวนหญิงสาวไปเที่ยวในวันหยุด

“วันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ คุณว่างไหม ผมอยากขับรถขึ้นเขาไปเที่ยว อากาศเย็น ๆ คงสดชื่นดี”

“คุณไปกับใครมั่งคะ?”

“ชวนคุณคนเดียวแค่นี้แหละ ถ้าคุณไปก็ไปกับคุณสองคน ถ้าคุณไม่...ผมก็คงไปคนเดียว”

จิดาพรมองหน้าคนชวน เห็นใบหน้ายิ้มอบอุ่น เธอจึงตอบรับคำชวนเพราะไม่ได้ไปเที่ยวค้างคืน ไปเช้าเย็นกลับ ไม่ใช่เรื่องน่ากลัวสำหรับเธอ


เช้าวันอาทิตย์ เสียงรถชอปเปอร์ที่จิดาพรเริ่มคุ้นเสียงแล้วจอดลงหน้าบ้าน ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ในชุดกางเกงยีนส์ เสื้อยืด ถอดเสื้อคลุมทับข้างนอกที่เป็นเสื้อโค้ทตัวยาวไว้ที่รถ ก่อนจะเดินผิวปากด้วยอารมณ์แจ่มใสเข้ามาในหาหญิงสาวที่กำลังเตรียมของกินในครัว

“ทำอะไรอยู่ครับ ผมขอกาแฟแก้วได้ไหมเอ่ย วันนี้ตื่นขึ้นมาก็ตรงมานี่เลย ไม่ได้กินอะไรมาจากบ้าน”

“ได้สิ...คุณนั่งรอที่ห้องโถงก่อนนะคะ เดี๋ยวฉันยกออกไปให้”

“ครับผม... เฮ้อ!! ถ้าผมตื่นมาตอนเช้าแล้วมีคนเสิร์ฟกาแฟถึงเตียงนอน คงจะดีกว่านี้เยอะเลยนะ” ชายหนุ่มพูดเสียงล้อเล่น สนุกสนานแต่สายตาจับจ้องซีกหน้าละมุนของหญิงสาวคนข้าง ๆ

“ถ้าคุณพร้อมที่จะมีใครสักคน มันไม่ใช่ได้แค่กาแฟถึงเตียงนอนอย่างเดียวหรอกค่ะ มันมีอะไรที่คุณจะได้มากกว่านั้น” หญิงสาวพูดโดยยังก้มหน้าอยู่กับงานที่ยังเตรียมไม่เสร็จ

“แล้วคุณอยากเป็นคน ๆ นั้น คนที่จะไปเสิร์ฟกาแฟถึงเตียงนอนให้ผมไหมครับ...จี้”

จิดาพรเงยหน้าขึ้นมาสบตาคนพูด ยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะตอบออกไป

“มันอยู่ที่คุณค่ะ ว่าคุณต้องการไหม?”



ดวงอาทิตย์ดวงโตสาดแสงแดดที่เริ่มแรงตามเวลา ในขณะที่รถชอปเปอร์คันโตกำลังวิ่งไปบนถนนที่ตัดขึ้นภูเขา ขึ้นลงขึ้นลงไปเรื่อย ๆ เส้นทางขึ้นภูเขาลูกนี้ไม่คดเคี้ยวมากนักเพราะเป็นภูที่ไม่สูง แต่อากาศหน้าหนาวพร้อมกับลมแห้ง ๆ ทำให้คนบนรถหนาวได้เหมือนกัน

“หนาวไหมครับจี้ ลมแรงหน่อยนึง ผมต้องขับรถช้า ๆ หน่อย ถือว่าดูวิวข้างทางไปด้วยก็แล้วกันนะ เพราะไหน ๆ ก็มาขับรถเที่ยวแล้ว”

“ใกล้ถึงหรือยังคะ”

“คงประมาณเที่ยงกว่านิด ๆ นั่นแหละ แล้วเราก็เดินเที่ยวสักสองชั่วโมง มีที่ให้เดินเที่ยวด้วยนะ มันเหมือนอุทยาน คุณไม่เคยมาเลยเหรอ?”

“ไม่เคยค่ะ”

“ถ้าคุณหนาวคุณกอดผมไว้ก็ได้นะ ผมไม่ถือ” หึ...หึ...ชายหนุ่มพูดพร้อมกับปล่อยมือจากแฮนด์รถมาจับมือหญิงสาวไปกอดเอวของตัวเอง ซึ่งจิดาพรไม่ได้ขัดขวางเพราะถ้าหากได้ซุกมือเข้ากับเสื้อที่อุ่น ๆ คงจะทำให้อุ่นขึ้น

กลิ่นกายจากแผ่นหลังของชายหนุ่มที่จิดาพรกำลังซบหน้าหลบลมอยู่ รวมทั้งอุ้งมือเล็กที่อยู่ในมือใหญ่กำลังโดนหัวแม่มือไล้เบา ๆ ทำให้หญิงสาวรู้สึกวาบหวิวขึ้นมา ใจเริ่มสั่น จนสุดท้ายต้องตัดสินใจใช้มืออีกข้างตะปบมือใหญ่ที่กำลังไล้มือมือเล็กไว้ แล้วรีบถอนตัวกลับก่อนที่เธอจะโดนรุกไปมากกว่านี้

“ฉัน...ฉันหายหนาวแล้วค่ะคุณโต” หญิงสาวรีบบอกชายหนุ่ม

“เอ้อ...ก็พอดีแหละ ใกล้ถึงแล้ว เดินเล่นสักสองชั่วโมงแล้วเราค่อยขับรถลงเขานะ”


เนื่องจากช่วงนี้เป็นฤดูกาลท่องเที่ยว และอุทยานแห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เพิ่งเปิดใหม่และกำลังโหมโปรโมทอย่างหนัก ผู้คนในจังหวัดจึงเดินทางมาเที่ยวเป็นจำนวนมาก ชายหนุ่มจึงไม่ค่อยมีโอกาสได้ใกล้ชิดหญิงสาวมากนัก ทำให้จิดาพรเดินเที่ยวได้อย่างมีความสุข ไม่รู้สึกกลัวว่าเขาจะฉวยโอกาสกับเธอซึ่งเธอได้แต่คิดว่า ถ้าเขาจะเอาจริง เธอคงไม่มีแรงต่อต้าน เพราะว่าแค่ได้กลิ่นกายเขา แค่โดนลูบไล้มือเล็กน้อย เธอยังรู้สึกมีอารมณ์ร่วมไปกับเขาแล้ว

กว่าจะได้ลงจากเขาก็ปาเข้าไปเกือบห้าโมงเย็น เพราะว่าจิดาพรที่เพิ่งเคยขึ้นมาเที่ยวครั้งแรกสนุกสนานกับการเดินดูสถานที่ที่ทางอุทยานจัดเตรียมไว้รับนักท่องเที่ยว ซึ่งชายหนุ่มไม่ได้เตือนเรื่องเวลา ประกอบกับเป็นฤดูหนาวทำให้มืดเร็วกว่าปกติ ฉะนั้นการขับรถลงเขาจึงขับได้ช้ากว่าปกติ ยิ่งมืดมาก อากาศยิ่งเย็นมากขึ้น ทำให้จิดาพรต้องกอดเอวเอามือซุกเข้าไปในเสื้อโค้ทของคนขับรถที่ยาวลงมาปิดถึงต้นขา ซุกหน้าไว้กับแผ่นหลังตลอดเวลา แล้วความคิดถึงเหตุการณ์ในตอนเช้า บวกกับมีก้อนเนื้อนุ่ม ๆ เบียดที่แผ่นหลัง ทำให้คนขับรถรู้สึกมีอารมณ์วาบหวิว แก่นกายเริ่มตื่นตัว จนต้องปล่อยมือใหญ่จากแฮนด์รถมาปลดกะดุมกางเกงยีนส์ออก รูดซิปลงก่อนจะกลับไปกุมมือบางไว้ พูดเสียงสั่น ๆ

“จี้ครับ...ช่วยผมหน่อยได้ไหม ผมไม่ไหวแล้ว”

หญิงสาวได้ยินเสียงสั่น ๆ ของชายหนุ่มขอให้ช่วยจึงถามกลับไป

“ช่วย...ช่วยอะไรคะ คุณโตจะให้ฉันช่วยอะไร?”

“จี้ช่วยผมนะ” พูดจบคนขับจับมือของหญิงสาวที่กุมเอาไว้อยู่สอดเข้าไปในกางเกงที่ปลดกระดุมไว้รอแล้ว พอมือนิ่มสัมผัสเข้าเต็มที่กับความเป็นชายที่ผงาดอยู่ จิดาพรชักมือกลับทันทีแต่ไม่ไวเท่ามือใหญ่ที่รีบรวบมือเล็กไว้พร้อมอ้อนวอนเสียงสั่น

“จี้...ช่วยผมนิดนะครับ ผมไม่ไหวแล้วจริง ๆ คุณก็เห็นแล้ว ถ้าคุณไม่ช่วยเอามันลง ผมไปต่อไม่ไหวแน่ ๆ”

“คุณจะให้ฉันช่วยยัง...ยังไงคะ” เสียงถามกลับไปสั่น ๆ

“คุณเอามือมาจับมันไว้นะ แล้วชักมันขึ้นลง ขึ้นลงช้า ๆ ค่อย ๆ” ชายหนุ่มบอกหญิงสาวพร้อมกับจับมือบางมาทำตามคำบอก “ช้า ๆ นะจี้ ชักขึ้นลงไปเรื่อย ๆ อย่างนั้นแหละ อย่างนั้น” เสียงครวญครางเริ่มดังออกมาจากปากของชายหนุ่ม ในขณะที่คนข้างหลังเริ่มหายใจเร็ว ตื่นเต้น หัวใจเต้นแรงแทบไม่เป็นจังหวะ เป็นประสบการณ์ครั้งแรกที่เคยเจอความห่ามของคน ต้องมาทำสิ่งที่ไม่เคยทำ มือบางเริ่มถูกมือใหญ่จับชักเร็วขึ้นเรื่อย ๆ เสียงครวญครางดังขึ้นเรื่อย ๆ จนสุดทนคนขับต้องจอดรถข้างทางที่มืดทันที ก่อนลงจากรถหันมายกตัวหญิงสาวร่างบางที่นั่งซ้อนท้ายลงรถอย่างรวดเร็วแล้วชายหนุ่มกลับขึ้นไปนั่งบนเบาะอีกครั้ง

“จี้...ช่วยผมนะ ช่วยผมด้วย ผมขอนะ...นะ...” เสียงอ้อนวอนแผ่วเบา

“ทำอะไร ทำยังไงคะ คุณจะให้ฉันช่วยยังไงบ้าง?” เสียงสั่น ๆ ถามกลับไป สายตาตื่นตระหนกเมื่อเห็นโตมรจูเนียร์ผงาดอยู่ตรงหน้า

“ผมสัญญา ผมจะไม่สอดใส่ ผมจะไม่ล่วงล้ำคุณ ถ้าคุณไม่พร้อม ถ้าคุณไม่อนุญาต”

“คุณบอกมาสิ จะให้ฉันทำยังไง ฉันทำไม่เป็นนะ ฉันไม่เคยทำ”

โตมรไม่ได้บอกเป็นคำพูดแต่จับมือบางมาทำหน้าที่แทน นัยน์ตาสองคู่สบสายตาในความมืด ความร้อนแรงของสายตาชายหนุ่มสะกดหญิงสาวดั่งต้องมนตร์ ทันใดนั้นมือใหญ่สองข้างประคองใบหน้าหวานให้โน้มมาใกล้ใบหน้าคมก่อนกดริมฝีปากอุ่นลงไปริมฝีปากบางอย่างอ้อยอิ่ง ลิ้นอุ่นไล้ไปทั่งริมฝีปากบางก่อนค่อยชำแรกแทรกให้ปากบางเปิดออก มืออีกข้างละจากใบหน้ามาจับมือบางชักแก่นกายที่ยังผงาดไปพร้อม ๆ กัน มือใหญ่ข้างที่เหลือกดท้ายทอยหญิงสาวให้ใบหน้าแนบชิดมากยิ่งขึ้น เมื่อได้รับความหวานจากปากบางพอแล้ว มือใหญ่เริ่มเลื่อนไล้ลงมาตามแผ่นหลังบาง พร้อมกับริมฝีปากไล้ลงมาตามลำคอระหงมาหยุดอยู่แอ่งชีพจร เมื่อปากว่างลงจากการถูกรุกราน เสียงครางครวญเริ่มหลุดจากริมผีปากบางของหญิงสาว ร่างกายสั่นระริกบิดเร่าไปตามรอยลากของลิ้นอุ่นชื้น หญิงสาวเบียดร่างบางเข้าหาร่างหนาที่บัดนี้ทั้งสองร่างแทบไม่รู้ว่าลมเย็นเป็นอย่างไร เมื่อผิวร้อนรุ่มดั่งถูกไฟเผา

“อืม”

“จี้...ให้ผมช่วยคุณนะ ให้ผมช่วยคุณ ผมสัญญาผมจะไม่รุกล้ำเข้าไปถ้าคุณไม่ยอม”

ดวงตาของจิดาพรหลับพริ้ม หมดแรงต้านทาน ขาทั้งสองข้างสั่นระริกทรงตัวแทบไม่อยู่ ชายหนุ่มยกร่างบางขึ้นมานั่งซ้อนบนตัวของเขา ก่อนจะสอดมือใหญ่เข้าใต้เสื้อหญิงสาว ปลดตะขอบราออกก่อนจะบีบเคล้นไปที่ถันสองข้าง ปลายนิ้วหยอกล้อกับยอดบัวตูมจนแข็งชูชันรับสัมผัสที่แผ่วเบา ริมฝีปากอุ่นไซ้ตามหลังหู งับติ่งหูบางเบา ๆ จนหญิงสาวขนลุกซู่ตามตัว ก่อนละลงมาซอกคอ สูดกลิ่นหอมกรุ่นจากผิวสาว ละมือใหญ่จากถันลูบไล้แผ่วเบาลงมาตามลำตัว ส่งผ่านความร้อนจากฝ่ามือใหญ่กระจายสู่ร่างบาง ลูบไล้ลงไปถึงหน้าท้องแบนเรียบก่อนไปหยุดที่กระดุมกางเกงยีนส์

“ผมปลดกางเกงให้นะจี้” เสียงแผ่วเบากระซิบบอกที่ริมหู ยังไม่ได้รับคำตอบแต่นิ้วมือเรียวรีบแกะกระดุมกางเกงรูดซิปลง มือใหญ่สองข้างยกสะโพกของหญิงสาวที่นั่งบนตัวยกขึ้นยืนก่อนดึงกางเกงลงมาที่หน้าขาแล้วยกตัวกลับไปนั่งบนตักแกร่งอีกครั้ง ก่อนที่นิ้วเรียวจะค่อย ๆ สอดแทรกแยกไปตามกลีบเนื้อแห่งความเป็นหญิง นิ้วเรียวสัมผัสความฉ่ำชื้นท้องทุ่งน้อยก่อนสอดนิ้วเข้าไปสำรวจภายในโพรง ร่างบางสะดุ้งเฮือกเมื่อนิ้วเรียวบุกรุก

“เจ็บเหรอจี้...ผมขอโทษ”

จิดาพรสั่นหัว “ตกใจค่ะ”

นิ้วเรียวยาวชักเข้าชักออกช้า ๆ ปลุกอารมณ์ของหญิงสาวให้เข้าสู่ห้วงหฤหรรษ์

ซี๊ด...อ๊า... “คุณโต คุณโตคะ” เสียงเรียกชื่อซ้ำ ๆ พร้อมเสียงครางกระเส่าสลับกันไปมากระตุ้นอารมณ์ชายหนุ่มให้โหมลุกขึ้นมาอีกครั้ง

“จี้...หันหน้ากลับมานะ” ชายหนุ่มบอกหญิงสาวก่อนยกร่างบางลง ถอดกางเกงหญิงสาวออกจากตัว หมุนตัวร่างบางให้หันหน้ากลับมาแล้วยกขึ้นมานั่งบนตัวอีกครั้ง มือใหญ่จับขาเรียวรัดเอวเอาไว้ มือบางหญิงสาวกอดร่างแกร่งอีกรอบ ชายหนุ่มซุกหน้าลงร่องภูเขาใหญ่สองข้างก่อนเงยหน้า อ้าปากงับยอดบัว ดูดดื่มอย่างหิวกระหาย ก่อนเงยหน้ามาสั่งการ

“จี้...จับสิ เอามือจับของผมไว้ ทำเหมือนผมสอนจี้ไปแล้ว”

มือบางที่กอดร่างแกร่งปล่อยมาควานหาน้องชายของชายหนุ่มได้ไม่ยากก่อนจะกำรอบลำแกร่ง ชักขึ้นลงตามจังหวะที่ถูกเร่งเร้าด้วยเสียงของคนสั่งการ ก่อนที่จะทนไม่ไหว โตมรรีบจับน้องชายที่แข็งเต็มที่ให้ถูไถกับความเป็นหญิงของหญิงสาว

จิดาพรสะดุ้งสุดตัวเมื่อแก่นกายแกร่งสัมผัสเข้ากับจุดที่ไวต่อการสัมผัส จนชายหนุ่มตกใจนึกว่าหญิงสาวกลัวจนต้องปลอบเบา ๆ

“ผมบอกแล้วว่าผมไม่สอดใส่หรอก ผมขอแค่ข้างนอกนะจี้นะ ผมขอแค่ข้างนอก”

สุดท้ายโตมรใช้มือของตัวเองจับแก่นกายถูกับจุดอ่อนไหวของหญิงตามจังหวะเร็วแรง เร่งเร้า จนเสียงครางสองเสียงดังสอดประสานกึกก้องในหูก่อนจะสงบลงเมื่อสองร่างกระตุกพร้อม ๆ กัน พร้อมกับสิ่งที่อัดแน่นในแก่นกายหลั่งทะลักออกมา เสียงหายใจสองเสียงจึงเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ หัวใจเต้นเป็นจังหวะมากขึ้น ตาสบตาสายตาชายหนุ่มเห็นผิวหน้าที่แดงซ่านของหญิงสาวและหลบตาเขาอย่างเอียงอาย จนต้องรั้งร่างบางเข้าสู่อ้อมกอด จูบที่ขมับสองข้างแผ่ว ๆ และกระซิบเบา ๆ

“ขอบคุณมากจี้...ผมมีความสุขมาก...ขอบคุณจริง ๆ”

รถชอปเปอร์คันใหญ่ส่งเสียงกระหึ่มอีกครั้ง พาร่างสองร่างไต่ลงจากเขาหลังจากแต่งตัวเรียบร้อย หญิงสาวร่างบางนั่งแอบอิงพิงแผ่นหลังหนา กอดกระชับลำตัวหนาสอดมือเข้าใต้เสื้อโค้ทป้องกันความเย็นที่กลับมาอีกครั้ง ตากลมโตหลับพริ้ม ไม่มีเสียงพูดออกมาอีกจนกระทั่งกลับมาถึงบ้านหลังเล็ก

“อาบน้ำเข้านอนเลยนะครับจี้ พรุ่งนี้ผมจะโทรหา ราตรีสวัสดิ์ครับ”



เหตุการณ์ในวันนี้จะทำให้หญิงสาวที่ถูกรุกรานโดยไม่ได้ตั้งตัว เป็นเช่นใด ติดตามตอนต่อไปได้ที่นี่ เร็ว ๆ นี้

ขึ้นไปข้างบน Go down
Buddy

Buddy


จำนวนข้อความ : 79
Join date : 27/07/2009

บทที่ 3  สุดทางสวาท...ณดา Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: บทที่ 3 สุดทางสวาท...ณดา   บทที่ 3  สุดทางสวาท...ณดา EmptyTue Dec 08, 2009 11:08 pm

เอ่อ...คุณโต จุดติดไวจริงๆ
ขึ้นไปข้างบน Go down
ณดา

ณดา


จำนวนข้อความ : 27
Join date : 19/10/2009

บทที่ 3  สุดทางสวาท...ณดา Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: บทที่ 3 สุดทางสวาท...ณดา   บทที่ 3  สุดทางสวาท...ณดา EmptyFri Dec 11, 2009 8:47 pm

เดี๋ยวมีคนดับเองแหละบัดดี้...จุดติดไว น้ำมันก็หมดเร็ว
พลังงานสำรองไม่มี คงไปได้ไม่ไกล... ฮ่า ฮ่า ฮ่า
ขึ้นไปข้างบน Go down
Moolar

Moolar


จำนวนข้อความ : 51
Join date : 22/07/2009

บทที่ 3  สุดทางสวาท...ณดา Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: บทที่ 3 สุดทางสวาท...ณดา   บทที่ 3  สุดทางสวาท...ณดา EmptyFri Jan 01, 2010 11:16 am

นั่นสิ จุดปุ๊บติดปั๊บ ฮ่าฮ่าฮ่า

เจ๊ณดา เขียนได้ตั้ง ๕ บทแล้วไม่ใช่เหรอคะ

วางที่สปันงาแล้วก็อย่าลืมมาแปะไว้ที่บอร์ด สว. ด้วยนา
ขึ้นไปข้างบน Go down
http://sorwor.bloggang.com
 
บทที่ 3 สุดทางสวาท...ณดา
ขึ้นไปข้างบน 
หน้า 1 จาก 1
 Similar topics
-
» บทที่ 2. สุดทางสวาท (จุดเริ่มต้น) โดย warada
» แม่ตัวดีที่รัก...บทที่ ๑
» บทที่ 1 จุดเริ่มต้น

Permissions in this forum:คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
สวยสมวัย :: ห้องเขียน :: ๓. ณดา-
ไปที่: