สวยสมวัย
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.
สวยสมวัย

ผู้หญิงอยากเขียน
 
บ้านบ้าน  ค้นหาค้นหา  Latest imagesLatest images  สมัครสมาชิก(Register)สมัครสมาชิก(Register)  เข้าสู่ระบบ(Log in)  

สวัสดีปีเสือค่ะ เพื่อนๆ สวยสมวัยทุกท่าน ขอให้มีความสุขและสนุกสนานเพลิดเพลินกับการเขียนนวนิยายอิโรติกนะคะ...อิโมติคอน ยังไม่ได้แก้ไขรอก่อนนะ...กล่องแชทสำหรับพูดคุยกันสดๆ อยู่หน้าแรกข้างล่างสุดเลยค่ะ แค่ล็อกอินเข้าไปก็ใช้ได้เลย เฉพาะสมาชิกเท่านั้นจึงจะมองเห็นห้องแชทนะคะ...สวัสดีปีใหม่ค่ะ


 

 บทที่ 2. สุดทางสวาท (จุดเริ่มต้น) โดย warada

Go down 
3 posters
ผู้ตั้งข้อความ
ณดา

ณดา


จำนวนข้อความ : 27
Join date : 19/10/2009

บทที่ 2. สุดทางสวาท (จุดเริ่มต้น)  โดย warada Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: บทที่ 2. สุดทางสวาท (จุดเริ่มต้น) โดย warada   บทที่ 2. สุดทางสวาท (จุดเริ่มต้น)  โดย warada EmptyThu Dec 03, 2009 9:43 am

บทที่ 2 สุดทางสวาท (จุดเริ่มต้น)








บ้านเดี่ยวชั้นเดียวหลังเล็ก ๆ ในหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่ง ที่ระเบียงหน้าบ้าน จิดาพรเห็นพ่อยังนอนอยู่บนเก้าอี้โยก พ่ออยู่ตรงนี้ตั้งแต่เช้าก่อนเธอจะออกจากบ้าน กลับเข้าบ้านเกือบบ่ายสาม พ่อยังอยู่ที่เดิม จิดาพรรู้ว่าพ่อต้องทนทุกข์ใจในฐานะที่เป็นพ่อแต่ต้องมาเป็นภาระให้ลูก รวมทั้งน้องชายเจ้าปัญหาสองคนที่เธอรับภาระมาแล้วท่านช่วยอะไรเธอไม่ได้เลย ยิ่งทำให้พ่อทุกข์ใจมากขึ้น เด็กหนุ่มเจ้าปัญหานอนสลบไสล อยู่ห้องโถงหลังจากกินข้าว กินยาแล้ว ส่วนแม่กำลังเตรียมอาหารเย็นอยู่ในครัว เรื่องราวที่เธอเล่าให้พ่อฟังหลังจากกลับจากสถานีตำรวจ ไม่ใช่สิ่งที่สร้างความแปลกใจให้กับชายชราแต่อย่างใด เพราะมันเกิดขึ้นหลายครั้งหลายครา ทุกครั้งเรื่องก็จบลงที่ ‘น้องไม่ต้องโดนส่งฟ้องศาลในคดี เมาแล้วขับ...จี้จัดการเรียบร้อยแล้ว พ่อไม่ต้องห่วง’ แต่พ่อก็รู้ว่าเธอต้องจ่ายเงินจำนวนมากในแต่ละครั้งที่เธอจัดการ รวมทั้งครั้งนี้ด้วย สุดท้ายพ่อคงทนเห็นเธอทุกข์มากไม่ได้จนต้องเอ่ยปากกับแม่ตอนทานข้าวเย็น

“แม่...พ่อว่าเรากลับไปอยู่บ้านเราดีไหม? เอาไอ้โจ้กลับไปรักษาตัวที่บ้าน”

“ทำไมล่ะพ่อ?” แม่เอ่ยถามพ่อเบา ๆ

“พ่อว่าเราก็ทิ้งบ้านมานานแล้ว กลับไปดูบ้านสักพัก พอถึงวันที่หมอนัด เราค่อยเข้ามาพบหมอ เอาไอ้โจ้กลับไปดูแลที่บ้าน ให้จี้ไปทำงานโดยไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง”

“แล้วเรื่องงานของโจ้ล่ะ?” แม่ยังห่วงงานของน้องที่เธอเพิ่งฝากให้

“จี้กลัวว่า โจ้อาจจะต้องออกจากงานนะแม่ เพราะเพิ่งทำได้สามวันเอง ก็ต้องลาป่วยแล้ว ใครเขาก็คงไม่เอาไว้หรอก” เธอเอ่ยปากบอกกับแม่

“....” เงียบไม่มีเสียงตอบจากคนในวงข้าว
“ไม่ต้องกังวลนะแม่ เดี๋ยวจี้หางานให้โจ้ใหม่ก็ได้ ให้เขาหายดีก่อนก็แล้วกัน”

คนเป็นพ่อได้แต่หวังว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คงจะทำให้ลูกชายคิดได้ และกลับตัวเป็นคนดีสักที ซึ่งแตกต่างจากความคิดของเธออย่างสิ้นเชิง เมื่อเธอได้แต่คิดว่า ‘จะมีเหตุการณ์แบบไหนที่จะทำให้ไอ้โจ้ คิดได้สักที’ เพราะเธอรบรากับปัญหาของโจ้กับแจ๊คมาจนทุกรูปแบบของปัญหาแล้ว แต่มันก็ไม่เคยสิ้นสุด

“แจ๊คไม่เข้าบ้านมากี่วันแล้วนี่ลูก?” เสียงแม่หันมาถามเธอขึ้นอีกคงเพราะไม่เห็นหน้าลูกชายตัวดีอีกคนมาหลายวันแล้ว

“วันนี้จี้โทรหาแจ๊คแล้วนะแม่ แต่โทรไม่ติด ว่าจะบอกเรื่องโจ้หน่อย” เธอบอกไม่ได้ว่าแจ๊คไม่กลับบ้านมากี่วันแล้วเพราะเธอเองก็เบื่อที่จะมานั่งนับ ได้แต่ภาวนาว่า 'เข้าบ้านมาอย่ามีเรื่องตามมาก็แล้วกัน' ซึ่งจี้ไม่มีโอกาสรู้ล่วงหน้าเลยว่า คำภาวนาของเธอไม่เกิดผลใด ๆ

“มันยังไปทำงานอยู่หรือเปล่า?” แม่ยังห่วงเรื่องงานของลูกชายคนโต

“คงไปทำอยู่มั้งคะแม่ ไม่เห็นที่ทำงานโทรตามแล้วนี่”

“เออ...ถ้างั้นก็คงไม่มีอะไร เอาเป็นว่าพรุ่งนี้แม่จะพาพ่อกับน้องกลับไปพักอยู่บ้านโน้นนะ จี้ไปส่งแต่เช้าแล้วค่อยกลับมาทำงานนะลูก” แม่จัดแจงบอกกล่าวเสร็จสรรพคงเพราะสบายใจเรื่องลูกชายคนโต ก่อนที่เธอได้จะตอบรับเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์เครื่องเล็กก็ดังขึ้นขัดจังหวะ




‘ใครเป็นคนสวยรับสายด้วยคร๊าบ...ใครเป็นคนสวยรับสายด้วยคร๊าบ...’

“สวัสดีค่ะ จิดาพรพูดสาย” จี้กล่าวสวัสดีเหมือนเวลาทำงานเพราะเธอเห็นเบอร์โทรที่ไม่มีชื่อคนเรียกเข้า

“สวัสดีครับ ผมโตนะครับ ทำไมคุณจี้พูดเป็นทางการจังเลย?”

“อ๋อ...ปกติฉันก็พูดแบบนี้กับทุกคนที่โทรเข้ามาแล้วฉันไม่รู้จักกับเขานั่นแหละค่ะ”

“ผมเสียใจนะเนี่ย...ที่คุณบอกว่าจะพูดแบบนี้กับคนไม่รู้จัก คุณยังไม่รู้จักกับผมอีกเหรอครับ ผมว่าวันนี้เราก็อยู่ด้วยกันหลายชั่วโมงแล้วนะ น่าจะรู้จักกันได้แล้ว”

“คุณมีธุระอะไรหรือเปล่าคะที่โทรมานี่?” ความเป็นคนตรง ๆ ทำให้หญิงสาวถามเข้าประเด็นทันที เธอขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงกับคนที่เพิ่งเคยรู้จัก มันไม่ใช่นิสัยของเธอ

“เอ่อ...ผมอยากถามว่าน้องคุณเป็นยังไงมั่ง อาการของเขาน่ะครับ ผมอยากไปเยี่ยมเขาจะได้ไหม...ม...?” น้ำเสียงคล้ายออดอ้อนผ่านออกมา ทำให้เธอจ้องโทรศัพท์เครื่องเล็กเขม็งพร้อมกับความคิด ‘เขาเป็นอะไรของเขานี่’

“ก็สบายดีนี่คะ...กินข้าวได้ พักผ่อนได้ ปวดก็มียาแก้ปวดให้กิน ฉันไม่เห็นความจำเป็นที่คุณต้องมาเยี่ยมเลย”

“ผมอยากไปเยี่ยมน้องชายคุณจริง ๆ นะ อย่างน้อยผมก็เป็นคู่กรณีของเขา ขอผมไปเยี่ยมเขาสักครั้งนะครับ” คนปลายสายยังอ้อนต่อไม่เลิก
“ก็แล้วแต่คุณก็แล้วกันเพราะยังไงคุณก็ไม่ได้มาเยี่ยมฉันอยู่แล้วนี่” เธออนุญาตเขาก่อนบอกเส้นทางมาบ้านให้เขารู้

“คุณอยู่หมู่บ้านนรินทร์เหรอ ผมรู้จักทางไปดี บ้านคุณอยู่ซอยไหน?”
จิดาพรบอกรายละเอียดที่ตั้งบ้านให้เขาทราบ แล้วเดินไปบอกน้องชายว่าคู่กรณีจะมาเยี่ยม ก่อนจะวางสายไป

บ้านหลังนี้เธอเพิ่งทำสัญญาซื้อเมื่อสองปีกว่า ๆ แต่ก่อนเธออยู่หอพักธรรมดา แต่พอพ่อได้รับอุบัติเหตุ ช่วยตัวเองไม่ได้และแม่ต้องเข้ามาช่วยดูแลพ่อ การอยู่หอพักจึงเป็นเรื่องลำบาก เธอจึงมองหาบ้านจัดสรรหลังเล็ก ๆ พอที่จะให้พ่ออยู่สบายขึ้น และหมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านที่เธอต้องเลือกเพราะเจ้าของโครงการเป็นเพื่อนกับเจ้านาย เธอได้รับสิทธิพิเศษหลายอย่าง จากคนที่จ้องตะครุบเหยื่อพึงกระทำเวลาหย่อนเบ็ดเพื่อล่อเหยื่อ ไม่ว่าจะเป็นเจ้านายหรือเพื่อนเจ้านาย แต่ในเมื่อโอกาสอำนวยให้เธอเท่านี้ เธอจำต้องรับไว้เพราะลำพังเงินที่เธอมีคงไม่เพียงพอสำหรับการดาวน์บ้าน หากไม่ได้รับการช่วยเหลือจากเจ้าของโครงการ แต่เธอก็เอาตัวรอดจากปากเหยี่ยวมาได้จนวันนี้




รถยนต์คันใหญ่ สีดำขลับดับเครื่องลงที่หน้าบ้านหลังเล็กก่อนเสียงกริ่งดังขึ้น หญิงชราร่างอวบเดินไปเปิดประตูรับแขกผู้มาเยือนยามวิกาล จิดาพรได้ยินเสียงคนคุยกันลอดเข้ามาในห้องนอน เธอแอบเงี่ยหูฟังว่าข้างนอกเขาคุยอะไรกัน ไม่ใช่เธอไม่อยากคุยกับเขา แต่ไม่มีเรื่องอะไรจะคุยต่างหาก ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นที่หน้าห้องเธอ

“จี้...จี้...” เสียงแม่เรียกพร้อมกับเสียงเคาะประตูเบา ๆ

“จี้...ยังไม่นอนใช่มั้ยลูก คุณโตเขาอยากคุยด้วยแน่ะ ออกมาคุยกับเขาหน่อยสิ”

“เขามีอะไรจะคุยกับจี้ล่ะแม่...แม่ถามเขาหน่อย” เธอยังไม่ยอมออกไปจากห้อง ร้องบอกให้มารดาไปถามเขา ก่อนมารดาจะกลับมาบอกเธอว่า เขาอยากคุยกับเธอเรื่องค่ารักษาของโจ้

“อะไร...พูดไปเมื่อตอนกลางวันยังไม่เข้าใจอีกรึไง” จิดาพรบ่นออกมาดัง ๆ คล้ายคนโมโหก่อนจะเปิดประตูอย่างแรงและเดินตรงไปที่เขานั่งอยู่กับพ่อและน้องชาย

“ฉันว่า...ฉันได้บอกคุณไปแล้วนะว่า น้องของฉัน...ฉันจะรักษาเอง มีส่วนไหนของคำพูดที่คุณไม่เข้าใจมิทราบ...คุณโตมร”
น้ำเสียงกระแทกของหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเขา ไม่ได้ทำให้โตมรตกใจกลัวจนตาเบิกกว้าง แต่รูปร่างของเธอคนที่ยืนอยู่ต่างหากทำให้เขาตาโต ‘อุแม่เจ้าเว้ย...กลางวันทำไมไม่เป็นแบบนี้’ ลำขาเรียวยาว ผิวเรียบนวล ขาวผ่องที่โผล่ออกมาจากกางเกงขาสั้นสีดำทำให้เรียวขานั้นโดดเด่นยิ่งขึ้น เสื้อแขนกุดรัดรูปสีขาวเน้นให้เห็นสัดส่วนช่วงบนได้ชัดเจน ‘ตอนกลางวันเธอเอาหน้าอกบิ๊กไซส์ไปซ่อนไว้ไหนนี่’ ผมที่ปล่อยสลวยเมื่อกลางวันถูกรวบไปเกล้าไว้กลางศีรษะ อวดลำคอยาวระหง ผิวขาวผ่องตรงซอกคอที่มองเห็นชีพจรกำลังเต้นตุ๊บตั๊บนั่นอีก ทำให้ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอเสียงดังเอื๊อก ทันใดนั้นเสียงกระแทกกระทั้นของคนที่เขากำลังจ้องดังขึ้นขัดขวางจินตนาการก่อนที่มันจะเพริดไปไกลกว่านี้

“ว่าไงคุณ...ชั้นถามว่าที่บอกคุณไปเมื่อกลางวัน คุณไม่เข้าใจตรงไหน ทำไมไม่ตอบ?”

“เอ่อ...เอ่อ...” ชายหนุ่มติดอ่างขึ้นมาทันทีเพราะยังงง ๆ กับคำถาม สติสตังยังกลับคืนมาไม่ครบ ก่อนจะปะติดปะต่อเรื่องค่ารักษาที่เธอบอกเขาตอนกลางวัน

“เอ่อ...คือผมอยากมีส่วนรับผิดชอบด้วยครับ เพราะว่ายังไงผมก็เป็นคู่กรณี และผมไม่ได้เจ็บอะไรเลย แต่น้องชายคุณเจ็บกว่าและคงต้องรักษาอีกนาน ผมเลยอยากช่วยแบ่งเบาภาระคุณบ้างน่ะครับ...ถือซะว่าเป็นสินน้ำใจ เป็นของเยี่ยมจากผมก็แล้วกันนะครับ” คนติดอ่างเมื่อสักหนึ่งนาทีที่ผ่านมาพูดยาวเฟื้อยตามสคริปที่เพื่อนบอกมา แต่เขามั่นใจว่า ความรู้สึกกับผู้หญิงตรงหน้าขณะนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นตามสคริปแน่นอน

“ฉันไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณใครอีกแล้ว แค่ที่ผ่านมาฉันก็ลำบากใจมากพอแล้ว จนเดี๋ยวนี้ฉันยังเอาตัวเองออกมาจากคำ ๆ นี้ยังไม่ได้เลย”

“คุณหมายความว่ายังไง ผมไม่เข้าใจ”

“คุณไม่จำเป็นต้องเข้าใจหรอก รู้แค่เพียงฉันไม่ต้องการรับเงินจากคุณ ไม่ต้องการเป็นหนี้บุญคุณกับคุณ”

“ผมไม่ได้คิดแบบนั้น...ผมแค่อยากทำหน้าที่เพื่อนมนุษย์ที่มีโอกาสผ่านมาเจอกัน แล้วมีเหตุให้ต้องมาเกี่ยวข้องกัน ผมไม่ได้คิดว่ามันเป็นบุญคุณเลยนะครับ” ชายหนุ่มพูดเสียงหนักแน่นก่อนจะยื่นซองยาว ๆ สีขาวให้เธอ

“รับไว้นะครับ ถือซะว่าเป็นสินไหม สินน้ำใจหรืออะไรก็ได้ที่คุณจะไม่ได้คิดว่าเป็นบุญคุณ”
หญิงสาวนึกถึงภาระที่เธอต้องดูแลในอีกหนึ่งสัปดาห์กับเงินในกระเป๋าที่ใช้แค่วันพรุ่งนี้ก็คงหมด เพราะต้องเติมน้ำมันรถ ไปส่งพ่อกับแม่ที่ต่างอำเภอ ทั้งยังจะต้องเอาให้พ่อแม่ไว้ใช้จ่ายอีก เมื่อคิดได้ดังนั้นเธอจึงยื่นมือไปรับซองที่เขายื่นให้

“ขอบคุณนะคะ...ถ้าฉันมีโอกาสฉันจะเอามันไปคืนให้คุณ”

“ไม่เป็นไรครับ” ชายหนุ่มยิ้มแปล้รับที่เธอขอบคุณ
การสนทนาระหว่างคนสองคนจึงเป็นมิตรมากขึ้น โตมรนั่งคุยกับครอบครัวเธอต่ออีกไม่นานก็ขอตัวกลับและบอกว่าวันหลังจะมาเยี่ยมอีกที



เสียงเครื่องปรับอากาศเดินเครื่องเบา ๆ อากาศกำลังเย็นสบาย ไฟหัวเตียงส่องแสงสีนวลตา เหมาะกับการนิทราเป็นอย่างยิ่ง บนเตียงนอนกว้างที่นอนหนานุ่มมีร่างแบบบางในชุดกางเกงขาสั้นสีดำกับเสื้อรัดรูปสีขาว ใบหน้าเนียนกำลังหลับตาพริ้ม ชายร่างสูงใหญ่เดินตรงไปนั่งขอบเตียง สายตาร้อนดังเปลวไฟจ้องไปที่ริมฝีปากอิ่มก่อนจะโน้มหน้าลงไป กดบดเบียดริมฝีปากอุ่นไปที่ปากอิ่มรูปกระจับ ก่อนจะขบเบา ๆ ให้ปากเผยอ ลิ้นร้อนผ่าวชอนไชแทรกซอนเข้าไปในเรียวปากอิ่ม เกี่ยวกระหวัดหยอกยั่ว ควานหาความหวานภายในปากที่เย้ายวนนั้น มือใหญ่สองข้างสอดเข้าใต้เสื้อ ลูบไล้ไปทั่วสรรพางค์กายก่อนสะดุดบนเนินถัน บราตัวจิ๋วขัดขวางเส้นทาง มืออีกข้างสอดเข้าใต้เสื้อปลดตะขอบราดึงทั้งเสื้อทั้งบราทิ้งออกไปให้พ้นทาง ก่อนลงมือเคล้นคลึงบีบบี้เต้าใหญ่ ริมฝีปากอุ่นละจากริมฝีปากอิ่ม ริมฝีปากที่ร้อนผ่าวจูบละไล้ลงมาตามลำคอ ไซ้แอ่งชีพจร ลิ้นร้อนชื้นเลียลากต่อลง ไถลขึ้นเนินก่อนซุกซบที่ร่องอก ก่อนไถลขึ้นเนินไปครอบครองยอดบัวตูมสีกุหลาบทั้งสองข้าง ทั้งดูดทั้งดึงสลับกันไปมาสองข้าง ฝ่ามือใหญ่บีบเคล้น บีบบี้เนินถันจนอีกฝ่ายครางเสียงกระเส่า ร่างบางบิดเร่าไปมา
อ๊า...ซี๊ด...อ๊า...ซี๊ด...มือเรียวยาวป่ายปัดสะเปะสะปะกดหัวอีกฝ่ายให้ฝังอยู่บนร่องระหว่างเนินนุ่มก่อนจะชอนนิ้วเข้าไปสัมผัสกับผมหยักศกอ่อนนุ่ม นิ้วมือจิกกำผมแน่นดึงศีรษะ ให้หน้าตาคมสันที่กำลังตกอยู่ในหลุมพิสวาส ผละออกจากเนินนุ่มก่อนจะพลิกร่างบางขึ้นมานั่งบนลำตัวแกร่ง แต่ร่างใหญ่เบื้องล่างไม่ยอมเป็นฝ่ายโดนบุกจึงพลิกตัวอีกรอบเพื่อให้ร่างบางไปอยู่ด้านล่าง ผลัดกันรุกผลัดกันรับกลิ้งไปรอบเตียง

ตุ๊บ! เสียงของหนัก ๆ หล่นลงมาจากที่สูงกระทบพื้นพรม มีเสียงครางตามมาหลังเสียงสิ้นเสียง...ตุ๊บ
คนร่างใหญ่กำยำที่กลิ้งอยู่บนพรมลุกขึ้นยืนก่อนจะสบถออกมาเสียงดัง

“อะไรวะเนี่ย...”... ‘ทำไมฉันถึงเห็นเป็นผู้หญิงคนนั้นวะ มีแต่อุ๋มที่เคยนอนเตียงนี้และทำแบบนี้ ไม่สิ...อุ๋มไม่เคยทำ...มีแต่เราทำให้ อุ๋มแค่ตอบสนอง แต่นี่ผู้หญิงคนนั้นแย่งหน้าที่เราไป’ หน้าตาคมสันที่บูดบึ้งบัดนี้กลับมายิ้มกริ่มเมื่อนึกถึงความฝันก่อนจะเหลือบมองนาฬิกาที่หัวเตียง

“อะไรนี่...เพิ่งสี่ทุ่มเองเหรอ”
เวลาสี่ทุ่มยังไม่ดึกมาก แสดงว่าเขาหลับไปไม่ถึงชั่วโมงหรือว่าอาจจะยังไม่หลับด้วยซ้ำไปเพราะเขาเข้านอนตอนสามทุ่มนี่เอง ทันใดความคิดก็แล่นไปถึงหน้าบ้านนางในฝัน ระยะทางจากบ้านหลังใหญ่ไปหมู่บ้านนรินทร์ขับรถไม่ถึงสิบนาที ชายหนุ่มหยิบกางเกงยีนส์ตัวเดิมที่ถอดทิ้งในตะกร้ามาสวม คว้าเสื้อยืดตัวใหม่ติดมือมาวิ่งไปสวมไป ไม่ลืมหยิบกุญแจรถ เขาวิ่งออกจากบ้านล็อคแค่ลูกบิดประตู ขึ้นคร่อมชอปเปอร์คันเก่งสตาร์ทเครื่อง บิดคันเร่งตรงไปบ้านยังหลังเล็กที่เขาเพิ่งจากมาไม่นาน ‘เหตุผลไปหาเอาข้างหน้า’ ชายหนุ่มยิ้มกับความคิดของตัวเองที่ไม่รู้จะหาเหตุผลอะไรไปบอก กับการไปบ้านเธอกลางดึกแบบนี้



หญิงสาวร่างบางนั่งเอนพักหลังกับหัวเตียงเล็ก ในมือมีหนังสือนิยายเล่มโปรด สายตาไล่ไปตามตัวหนังสือที่เรียงรายอยู่ตรงหน้า ปกติเสียงเข็มนาฬิกาเดินเป็นเสียงที่ดังที่สุดในช่วงเวลานี้ แต่ทว่าวันนี้...เสียงครางกระหึ่มของเครื่องรถมอเตอร์ไซค์ได้ยินมาแต่ไกล แต่หยุดลงเมื่ออยู่บริเวณหน้าบ้านของจิดาพร หญิงสาวแง้มม่านหน้าต่างออกมองตรงไปที่ประตูรั้วโปร่งหน้าบ้าน เพราะห้องนอนอยู่ด้านติดกับถนน เธอจึงเห็นชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ เดินกลับไปกลับมาระหว่างรถชอปเปอร์คันใหญ่กับกริ่งหน้าบ้าน ก่อนที่จะเห็นเขาเดินมากดกริ่งเพื่อเรียกคนในบ้าน
สาวร่างบางต้องออกไปเปิดประตูเองเพราะน้องชายเดินไม่ถนัด แม่กับพ่อก็หลับไปแล้ว

“คุณโตมร...คุณมีธุระอะไรอีกคะ หรือว่าคุณลืมอะไรไว้ที่บ้านฉัน”

“เอ่อ...ผมไม่ได้ลืมอะไรหรอกครับ แต่ผมอยากคุยกับคุณ”

“คุยกับฉันนี่นะ กลางดึกแบบนี้” เธอถามกลับทันทีเมื่อได้ยินคำตอบที่ไม่คิดว่าจะได้ยิน

“ครับ...พอดีผมนอนไม่หลับ และอีกอย่างผมว่ามันยังไม่ค่อยดึกนัก ผมเลยอยากหาเพื่อนคุย...คุณคุยเป็นเพื่อนผมสักหน่อยได้ไหมครับ?”

“คุณบ้ารึเปล่าเนี่ย นี่มันจะสี่ทุ่มครึ่งแล้วนะคุณ คุณไม่หลับไม่นอนเหรอ”

“เอาน่านะ...ผมขอคุยกับคุณสักชั่วโมง ห้าทุ่มครึ่งคงไม่ดึกมากเกินไปสำหรับคุณใช่ไหม?” ชายหนุ่มไม่สนใจตอบคำถาม เดินดุ่มมานั่งลงม้านั่งตัวยาวที่ตั้งอยู่ในสนามหญ้าขนาดเล็กที่โอบล้อมด้วยต้นไม้นานาชนิดที่เธอปลูกไว้ให้ความร่มรื่นแก่บ้านหลังเล็กของเธอ

“งั้นคุณนั่งรออยู่ตรงนี้ก่อนนะคะ ฉันจะเดินเข้าไปเอาน้ำมาให้” หญิงสาวบอกเขาก่อนเดินลับเข้าบ้านหยิบน้ำเย็นออกไปเสิร์ฟชายหนุ่ม

“คุณมีอะไรรึเปล่าคะ มีเรื่องไม่สบายใจอะไรเหรอ” หญิงสาวถามคนที่นั่งจ้องหน้าเธอทันทีที่นั่งลงด้านตรงข้าม

“ถ้าผมจะบอกว่า ผมคิดถึงคุณจนนอนไม่หลับ...คุณจะเชื่อผมไหม?” คำตอบที่กลายเป็นคำถามของเขาพร้อมกับสายตาคมที่จ้องมา ทำเอาหญิงสาวหน้าร้อนผ่าว แต่ตอบกลับแบบใช้น้ำเสียงข่มความรู้สึกเขินอายเอาไว้

“ถ้าใครเชื่อ...ก็บ้าแล้วล่ะคุณโตมร”

“จริง ๆ นะครับจี้...ผมกลับไปถึงบ้านอาบน้ำ จะเข้านอน ในหัวผมมีแต่หน้าคุณลอยไป-ลอยมา จนผมทนไม่ไหว ต้องวิ่งแจ้นมาหาคุณ โดยที่ผมไม่ได้เตรียมคำตอบที่จะมาตอบคุณเลยนะ...ว่าผมมาทำไม”

“โห...คุณนี่เป็นเอามากนะเนี่ย...ไหนคะ มาถึงแล้วมีอะไรจะคุยกับฉัน”

“ผมไม่มีอะไรจะคุยกับคุณหรอก ที่ผมมาเพราะผมนอนไม่หลับจริง ๆ อยากเห็นหน้าคุณ”

“เอ้า...เห็นแล้วก็กลับไปนอนได้แล้ว”

“โอย...คุณ ผมเพิ่งเห็นคุณไม่ถึงสิบห้านาทีเลยนะ ผมบอกแล้วไง ขอคุยกับคุณสักชั่วโมงก่อนไปนอน”
เฮ้อ...หญิงสาวได้แต่ถอนหายใจ เธอเองก็พอมองสายตาของเขาออกอยู่หรอก แต่ไม่คิดว่าจะบ้าขนาดนี้ แต่ในเมื่อเขาไม่กลับก็ต้องนั่งคุยเป็นเพื่อนไปเรื่อย ๆ แล้วเรื่องราวต่าง ๆ ของเขาก็ถูกถ่ายทอดออกมาให้เธอรู้ รวมทั้งเรื่องเมื่อกลางวันที่สถานีตำรวจ ว่าเหตุการณ์ทำไมเป็นแบบนั้น

“ฉันว่าแล้วเชียว ว่ามันต้องมีลับลมคมใน”

“คือผมกับรองป้อง เป็นเพื่อนกันมานานและผมเป็นคนที่เบื่อเรื่องขึ้นโรงขึ้นศาลเป็นที่หนึ่ง ผมเลยบอกเขาว่าทำอย่างไรก็ได้ ให้เรื่องจบง่าย ๆ ผมไม่เดือดร้อน แต่ผมก็ไม่ได้คิดนะว่า...ลูกน้องไอ้ป้องจะเล่นแรงแบบนี้...ผมอยากขอโทษคุณ ที่ทำให้คุณต้องพลอยลำบากไปด้วย”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันเองเจอมาจนชินแล้ว” เสียงแผ่วเบาหวิวหายลงไปในคอ สายตาเศร้าหลุบต่ำลงทันทีที่ย้อนคิดถึงเหตุการณ์หลาย ๆ ครั้งที่ผ่านมา

“คุณเป็นอะไรไปจี้ มีอะไรเล่าให้ผมฟังได้นะ ผมอยากเป็นเพื่อนกับคุณ ผมรับฟังเรื่องทุกข์ใจของคุณได้” ชายหนุ่มปลอบใจหญิงสาวพร้อมกับยื่นมือใหญ่ออกไปกุมมือเรียวเล็กที่วางบนโต๊ะยาวที่คั่นกลางระหว่างเขากับเธอไว้

หญิงสาวเงยหน้าขึ้นสบตากับคนตัวใหญ่ แล้วเรื่องราวบางเสี้ยวในชีวิตเธอ ก็ถูกถ่ายทอดให้ชายหนุ่มฟัง ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ทำให้คนที่มีพื้นฐานครอบครัวค่อนข้างสมบูรณ์ พี่น้องเป็นผู้ชายทั้งสามคนแต่ก็รักใคร่กันดี ทุกคนแยกครอบครัวออกจากพ่อแม่แต่ก็กลับไปหาท่านทุกสัปดาห์ เขาเป็นลูกคนกลางแต่ไม่เคยรู้สึกว่าขาดความรัก ปัจจุบันรับผิดชอบเฉพาะตัวเอง ไม่เดือดร้อน รายได้จากการเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างมีมากจนเขาคิดว่าเผื่อแผ่ให้คนเพิ่มได้อีกหลายคน เมื่อเทียบกับหญิงสาวร่างบางที่นั่งตรงหน้าอายุต่างจากเขาร่วมห้าปี แต่แบกรับภาระหนักอึ้งจนเขาแทบไม่รู้ว่าเธอผ่านชีวิตแต่ละวันไปได้อย่างไร

“จี้...คุณจะยอมรับผม...เป็นเพื่อนกับคุณซักคนได้ไหม?”เสียงถามทอดยาวอ่อนโยนดังขึ้นหลังจากหญิงสาวเล่าจบลง

“ทำไมคะ ทำไมคุณต้องอยากมาเป็นเพื่อนกับฉันด้วย?”

“ในวันที่คุณไม่สบายใจ วันที่คุณว้าเหว่ วันที่คุณต้องการใครสักคนมานั่งปลอบใจ ผมคิดว่าผมเป็นคน ๆ นั้นให้คุณได้” ชายหนุ่มตอบกลับด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ในขณะที่มือใหญ่ลูบไล้และคลึงหัวแม่มือกับฝ่ามือเล็กเบา ๆ

เวลานี้จิดาพรรู้สึกอิ่มเอม อบอุ่นในหัวใจ เหมือนได้เจอโอเอซีสกลางทะเลทราย จนความหิวกระหายท่ามกลางแปลวแดดที่ร้อนระอุหายไปเป็นปลิดทิ้ง เหมือนได้เจอเพื่อนร่วมทางในเวลาที่มืดมิด เมื่อเห็นสายตาอ่อนโยนและน้ำเสียงอบอุ่นที่ใครบางคนส่งมาให้ ซึ่งเธอไม่เคยเจอสิ่งเหล่านี้มาก่อน ทำให้จิดาพรไม่สนใจกับสิ่งที่ชายหนุ่มกำลังกระทำ เธอยินดีที่จะมอบมือบอบบางของเธอให้เข้าไปอยู่ในอุ้งมือใหญ่ที่เธอรู้สึกว่าอบอุ่นเหลือเกิน เธอยินดีเก็บความอบอุ่นนั้นเอาไว้ปลอบประโลมหัวใจในวันที่ท้อแท้ เหนื่อยล้า กับปัญหาในชีวิต

มือใหญ่ที่กุมมือเล็กอยู่เลื่อนไล้ไปตามแขนนุ่มเนียน ความร้อนจากนิ้วเรียวส่งผ่านไปสู่ผิวขาวเนียนนั้น ความรู้สึกสยิวเสียวซ่านจากการไล้ของปลายนิ้ว ทำให้ขนแขนของหญิงสาวลุกชัน ท่อนขาเปลือยเปล่าใต้โต๊ะตัวยาวถูกเข่าทั้งสองข้างถูไถไปมา

“จี้ครับ...ผมพูดตรง ๆ นะว่าตอนแรกผมประทับใจรูปร่างคุณมาก กลับไปถึงบ้าน เฮ้อ!! จนผมนอนไม่หลับต้องวิ่งกลับมาเพราะรูปร่างของคุณจริง ๆ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ มันมีมากกว่านั้นอีก”

“อะไรคะ...คุณชอบอะไรในตัวฉันอีก?”

“คุณเป็นผู้หญิงแกร่ง แต่ในขณะเดียวกันคุณก็เป็นผู้หญิงอ่อนแอ อ้างว้าง โดดเดี่ยวซึ่งนั่นผมก็ไม่แปลกใจเลย เพราะสิ่งที่คุณรับผิดชอบอยู่ตอนนี้ มันคงทำให้คุณเป็นคนแบบนี้ ผมประทับใจคุณมาก”

“ฉันก็เป็นของฉันได้แค่นี้ ยังไงครอบครัวต้องคงอยู่ มีความสุขเท่าที่ฉันสามารถทำได้ ฉันคงไม่สามารถมีความสุขคนเดียวได้โดยที่พ่อแม่ยังทุกข์อยู่หรอกค่ะ ฉันเป็นพี่คนโตก็ต้องดูแลทุกคน”

“นี่แหละคือสิ่งที่ผมประทับใจคุณ” ขณะพูดพูดสายตาคมของโตมรจ้องนัยน์ตาโศกไม่กระพริบ ดวงตาที่ยิ้มได้ของเขาทำให้เธออุ่นซ่านไปถึงหัวใจ

“ผมคงบอกคุณในตอนนี้ว่า...ผมรักคุณ ไม่ได้หรอกนะ แต่ผมอยากบอกว่า...ผมชอบคุณมากกว่าผู้หญิงหลาย ๆ คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตผม และตอนนี้ผมอยากรู้จักคุณมากกว่าคำว่าเพื่อน...จะได้ไหมครับ?”


ขอให้มีความสุขจากบทที่ 2 และรอบทที่ 3 สุดทางสวาท ที่นี่...เร็ว ๆ นี้
Warada



ตอนนี้เป็นตอนที่ 2 ของนิยายเรื่องจุดเริ่มต้น แต่ชื่อเรื่องจะเปลี่ยนเป็น...สุดทางสวาท โดย warada แล้วนะคะ ในบทต่อ ๆ ไปจะขึ้นชื่อเรื่องว่า สุดทางสวาท



โปรดติดตามตอนต่อไป เร็ว ๆ นี้


แก้ไขล่าสุดโดย ณดา เมื่อ Thu Dec 03, 2009 5:02 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ขึ้นไปข้างบน Go down
Buddy

Buddy


จำนวนข้อความ : 79
Join date : 27/07/2009

บทที่ 2. สุดทางสวาท (จุดเริ่มต้น)  โดย warada Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: บทที่ 2. สุดทางสวาท (จุดเริ่มต้น) โดย warada   บทที่ 2. สุดทางสวาท (จุดเริ่มต้น)  โดย warada EmptyThu Dec 03, 2009 1:09 pm

ท่าทางคุณโตจะร้อนไม่ใช่เล่น ฮาๆๆๆ
รออ่านตอนต่อไป

ชื่อเรื่องเดี๋ยวขอเวลาศึกกะษาก่อนนะคะว่ามันเปลี่ยนยังไง เดี๋ยวแก้ให้ ^_^
ขึ้นไปข้างบน Go down
ณดา

ณดา


จำนวนข้อความ : 27
Join date : 19/10/2009

บทที่ 2. สุดทางสวาท (จุดเริ่มต้น)  โดย warada Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: บทที่ 2. สุดทางสวาท (จุดเริ่มต้น) โดย warada   บทที่ 2. สุดทางสวาท (จุดเริ่มต้น)  โดย warada EmptyThu Dec 03, 2009 5:10 pm

บทที่ 2 คุณโตเพิ่งเริ่มสตาร์ทเครื่องค่ะ ถ้าร้อนมากตั้งแต่บทที่ 22 กลัวบทต่อ ๆ ไปจะไม่มีอะไรเขียนอีกแล้ว

555

ขอบคุณสำหรับธุระเรื่องชื่อเรื่องนะคะบัดดี้ ( Admin มือใหม่ หัวใจทรนง)
ขึ้นไปข้างบน Go down
Moolar

Moolar


จำนวนข้อความ : 51
Join date : 22/07/2009

บทที่ 2. สุดทางสวาท (จุดเริ่มต้น)  โดย warada Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: บทที่ 2. สุดทางสวาท (จุดเริ่มต้น) โดย warada   บทที่ 2. สุดทางสวาท (จุดเริ่มต้น)  โดย warada EmptyFri Jan 01, 2010 11:13 am

เอ๋...ทีแรกไม่งงนะ แต่พอพูดกันเรื่อง ชื่อเรื่องบทที่ ๒ เลยเริ่มงง ฮ่าฮ่าฮ่า
ขึ้นไปข้างบน Go down
http://sorwor.bloggang.com
 
บทที่ 2. สุดทางสวาท (จุดเริ่มต้น) โดย warada
ขึ้นไปข้างบน 
หน้า 1 จาก 1

Permissions in this forum:คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
สวยสมวัย :: ห้องเขียน :: ๓. ณดา-
ไปที่: